วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557

กินเจยังไงไม่ให้อ้วน

กินเจยังไงไม่ให้อ้วน 
กินเจ 2557 ประเพณีถือศีลกินผัก เริ่ม 24 กันยายน- 30 กันยายน 2557 และ ในปีนี้มันพิเศษกว่าปีอื่นๆ เพราะในปี 2557 มี เทศกาลกินเจ 2 ครั้ง ในรอบ 132 ปี มีครั้งเดียว นับแบบจีนจะมีเดือน 9 สองครั้ง ( จีนเรียกว่า หยุ่งง้วย ) ฉะนั้นจึงมี ชิวอิก-ชิวเก้า ในเดือน 9 ก็คือ รอบแรก วันที่ 24 ก.ย. - 2 ต.ค.57 และ รอบที่สอง วันที่ 24 ต.ค. - 1 พ.ย. 57 ) แล้วในวันนี้เรามีเคล็ดลับ กินเจอย่างไร ไม่ให้อ้วน จาก สสส. มาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ


 

กินเจควรกินอะไรบ้าง?

          หลัก ๆ เลยต้องเป็นผักและผลไม้ ควรกินผลไม้หลาย ๆ สี ทั้งดำ, แดง, เขียว, ขาว, เหลือง เพื่อให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุหลากหลาย ที่สำคัญกว่านั้นคือ ไฟเบอร์ ที่จะช่วยขับถ่ายของเสียและสารพิษตกค้างออกจากร่างกาย ต่อมาก็คือ พืชตระกูลถั่ว เพราะเป็นแหล่งโปรตีน มีธาตุเหล็กสูง ช่วยสลายคอเลสเตอรอล ปัจจุบันถั่วถูกแปลงโฉมให้อยู่ในรูปของโปรตีนเกษตร ที่มีความคล้ายคลึงกับอาหารจริง ๆ แล้วแถมยังไม่มีไขมันด้วย

          ที่เหลือก็เป็นธัญพืช เช่นเมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน ที่เคี้ยวเล่นกันเป็นประจำ มีทั้งวิตามินเอ, ซี และ อี งาขาว-งาดำ ซึ่งมีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย อย่าลืมกินเห็ด เพราะมีกรดอะมิโนและแร่ธาตุที่หลากหลาย ที่ขาดไม่ได้คือ เปลี่ยนจากกินข้าวสวยผิวขาว ๆ มาเป็นข้าวกล้อง เพราะมีวิตามินและเกลือแร่ 20 ชนิด บำรุงสมองทำให้กระดูกแข็งแรง กากใยสูงช่วยขับถ่ายดี

          รศ.พญ.ปรียานุช แย้มวงษ์ รองประธานงานโภชนศาสตร์คลินิก ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ให้คำแนะนำสำหรับนักกีฬาและผู้ที่ออกำลังกายที่ถือศีลกินเจว่า ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีนที่ต้องทานให้ครบถ้วน ซึ่งนอกเหนือจากทานแป้งและผักแล้ว ควรทานอาหารที่เป็นแหล่งโปรตีนให้ครบถ้วนเช่น ถั่ว งา

          'ถ้าทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ก็ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียได้ ยิ่งคนที่ออกกำลังกาย ก็ทำให้อ่อนเพลียง่าย แต่ถ้าทานได้ครบ 5 หมู่ ก็ไม่มีปัญหาแน่นอน คนกินเจไม่ต้องกลัว ออกกำลังได้ตามปกติ แต่ถ้ากินเจแล้ว งดออกกำลังก็ต้องระวังเรื่องน้ำหนักตัว' รศ.พญ.ปรียานุชกล่า

กินเจอย่างไร .. ไม่ให้ 'อ้วน' ( สสส. )

 1. เลือกกินข้าวหรือแป้งที่ไม่ขัดขาว เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ลูกเดือย ธัญพืชต่าง ๆ ร่างกายใช้พลังงานในการย่อยออกมาเป็นแป้งที่พร้อมดูดซึม ซึ่งน้ำตาลไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับปริมาณที่เท่ากันของแป้งขัดขาว

 2. เลือกผักใบมากกว่าพืชหัว เพราะผักใบมีคาร์โบไฮเดรตที่น้อยกว่าพืชหัวมาก ดังนั้น การกินผักใบจะทำให้เราได้พลังงาน และปริมาณแป้งน้อยกว่าจึงไม่ทำให้อ้วน

 3. เลือกกินของนึ่ง ต้ม ตุ๋น ดีกว่าของทอดและผัด เพราะช่วยให้เลี่ยงการกินน้ำมัน ซึ่งมีไขมันอยู่สูง

 4. กินหวานให้น้อยลง ไม่ใช่ว่าเมื่อคุณกินเจแล้ว จะสามารถกินขนมหวานได้เต็มที่ เพราะไม่ว่าจะเป็นอาหารเจหรือไม่เจ ถ้ามีความหวานและผสมน้ำตาลอยู่มากก็อ้วนได้ไม่ต่างกัน

 5. อดอาหาร ล้างพิษหลังกินเจ เพราะจะช่วยให้ร่างกายขับพิษต่าง ๆ ออกมาได้ ทั้งช่วยลดไขมันในเลือด ลดน้ำหนัก ลดภาวะร้อนในจากธาตุในร่างกายที่ไม่สมดุลได้อีกด้วย 

เทศกาล กินเจ 2557 (ถือศีล กินผัก) 24 กันยายน - 2 ตุลาคม 2557

กินเจ 2557 เทศกาลกินเจ 2557 ประเพณีกินเจ เทศกาลกินเจ ก็คือประเพณีกินผัก หรือที่เรียกว่า มังสวิรัติ ซึ่งเป็นประเพณีเก่าของ ชาวจีน ที่ถึงจะย้ายถิ่น ฐานไปอยู่ในประเทศใด ก็ยังคงยึดถือปฏิบัติตามประเพณีนี้อยู่ สำหรับ ประเทศไทยที่มีชาวจีนมาตั้งรกรากอยู่จำนวนไม่น้อย ปัจจุบันกลายเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ก็ยังยึดถือประเพณีกินเจเช่นกัน ประเพณีกินเจในประเทศไทยที่ผู้คนรู้จักกันดีก็คือ ที่จังหวัดภูเก็ต ที่เกิดขึ้นมากกว่าร้อยปีแล้ว โดยแพร่หลาย มาจากคณะงิ้วประเทศจีนที่มาแสดงให้ชาวจีนในภูเก็ตดู การกินเจในปัจจุบันมิได้มีจุดมุ่งหมายเพียงเพื่อจะป้องกัน ภัยพิบัติเท่านั้น แต่ยังเป็นการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์และเป็นการเคารพถึงดวงวิญญาณของบรรพบุรุษที่ล่วงลับไป
แล้ว ...
นช่วงเทศกาลกินเจมีข้อห้ามที่ยึดถือปฏิบัติกันมานานอยู่หลายข้อ เชื่อกันว่าถ้าปฏิบัติได้ครบทุกข้อจึงจะเข้า ถึงการกินเจที่ถูกต้องและ ได้บุญอย่างแท้จริง จึงขอยก ข้อห้ามทั้ง 10 ข้อในเทศกาลกินเจ มาเล่าให้ฟังกัน จะว่าเป็น การไขข้อข้องใจกันก็ได้ เพราะเชื่อว่าบางข้อยัง เป็นที่สงสัยกันอยู่ เริ่มที่ 


เทศกาล กินเจ 2557 (ถือศีล กินผัก)  24 กันยายน  - 2 ตุลาคม 2557
 

ข้อห้ามกินเจ
ข้อห้ามกินเจ

 
ข้อแรก การงดกินผักฉุนหรือผักที่มีกลิ่นแรง ซึ่งประกอบไปด้วยพืชผัก 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม (หัวกระเทียม, ต้นกระเทียม) หัวหอม (ต้นหอม, ใบหอม, หอมแดง,หอมขาว,หอมหัวใหญ่) หลักเกียว (ลักษณะคล้าย หัวกระเทียม แต่เล็กกว่า) กุ้ยช่าย (ใบคล้ายใบหอม แต่แบนและเล็กกว่า) ใบยาสูบ (บุหรี่,ยาเส้น,ของเสพติดมึนเมา) ผักเหล่านี้เป็นผักที่มีรสหนัก กลิ่นรุนแรง นอกจากนี้ยัง ให้โทษทำลายพลังธาตุในร่างกาย เป็นเหตุให้อวัยวะหลัก สำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ สำหรับผู้ปฏิบัติสมาธิกรรมฐานไม่ควรรับประทาน พราะผักดังกล่าวมีฤทธิ์ กระตุ้นจิตใจและอารมณ์ให้เร่าร้อน ใจคอหงุดหงิด โกรธง่าย และยังมีผลทำให้พลังธาตุในร่างกายรวมตัวไม่ติด จิตใจจะไม่บริสุทธิ์ ซึ่งในข้อห้ามนี้มีบางคนยังข้องใจกันมาก คือ กระเทียมซึ่งทางการแพทย์และเภสัชกรพบว่า สามารถรับประทานเป็นยาได้ ทั้งนี้เพราะเป็นสารที่มีประโยชน์สามารถละลายไขมันในเส้นเลือดได้ เช่น ผู้ป่วยที่ เป็นโรคเส้นโลหิตเลี้ยงหัวใจตีบหรืออุดตัน เป็นต้น แม้ทางการแพทย์แผนโบราณก็ยืนยันตรงกันว่ากระเทียมเป็น สมุนไพรรักษาโรคได้ แต่คนจีนที่ปฏิบัติในการกินเจถือว่าให้โทณกับหัวใจ ซึ่งในข้อนี้ต้องขึ้นอยู่กับความเชื่อของ แต่ละคน

 
ข้อที่สอง การงดกินเนื้อสัตว์ ซึ่งประกอบไปด้วย เนื้อวัว หมู ปลา หรือสัตว์มีชีวิตที่ใช้เป็น อาหารได้ เพราะ คนจีนเชื่อว่าก่อนตายมันจะตกอยู่ในอาหารตกใจกลัวเมื่อเรากินมันเข้าไป อาจจะทำให้เรามีบาปติดตัวไปด้วย เพราะมันคือสิ่งที่มีชีวิตเหมือนกับคน ข้อนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่คนจีนถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด แต่มาถึงปัจจุบัน ..........บางคนเริ่มหาข้อคัดค้านว่าสัตว์บางชนิดอย่าง หอยหรือปลาเล็กๆ ก็น่าจะรับประทานได้เพราะมันเป็นสัตว์ไม่มีเลือด ตามความเชื่อแล้วมันขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่ถ้าในความเป็นจริงแล้ว คนจีนเขาเชื่อว่าประเพณีนี้ศักดิ์สิทธิ์ถ้าปฏิบัติ ให่เคร่งครัด ถึงจะมีคนคัดค้านแต่กับข้อนี้คงไม่ได้ผล

ข้อที่สาม ไม่ควรกินอาหารรสจัด ซึ่งไม่ใช่แค่รสเผ็ดอย่างเดียว รวมไปถึงรสเค็มมาก หวานมากหรือเปรี้ยวมาก ด้วย ซึ่งปกติคนจีนจะไม่กินรสจัดอยู่แล้วเพราะถือว่าจะเข้าไปทำลายสุขภาพ อย่างกินเผ็ดจัดก็จะไปทำลาย กระเพาะ กินเค็มมากจะไปทำลายไตได้ และอีกอย่างน้ำปลาก็ทำมาจากสัตว์เหมือนกัน ข้อห้ามนี้ถือว่าถูกหลักของ การแพทย์ แต่บางคนที่ปฏิบัติไม่เคร่งครัดนัก เช่น ชอบรสเค็มจัดก็ใช้เกลือแทนน้ำปลา อันนี้ถือว่าไม่ผิด 

ข้อที่สี่
 ต้องกินอาหารที่คนกินเจด้วยกันปรุง
 ซึ่งข้อนี้ถ้าปฏิบัติได้จะถือว่าบริสุทธิ์จริงๆ แต่ถ้าทำให้เกิดความยาก ลำบากก็ไม่จำเป็น จะได้ไม่ต้องเลือกร้านกันจ้าละหวั่น ฉะนั้นคนที่ปรุงอาจจะไม่ได้กินเจก็ได้แต่ขอให้อาหารที่กินเข้า ไปเป็นอาหารเจก็พอ

ข้อที่ห้า ถ้วยชามจะต้องไม่ปนกัน เพราะเขาถือเคร่งครัดว่าอาหารคาวซึ่งชาวจีนเรียกว่า  ชอ  นั้น ถ้วยชาม จะใช้ปนกันไม่ได้ จะถือว่าล้างสะอาดหมดจดแล้วจึงเอามาใช้ก็ผิดอีก บางคนคิดว่าล้างให้สะอาดมากๆ ก็ไม่จำเป็น ต้องแยก แต่ข้อนี้ถือว่าเป็นธรรมเนียมเหมือนอย่างอิสลามที่ไม่ยอม ใช้ถ้วยชามปนกัน เหมือนของจีนนั่นแหละ

ข้อที่หก ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ข้อนี้ตรงกับการรักษาศีลของชาวพุทธ การฆ่าสัตว์ของชาวจีนตั้งแต่สัตว์เล็กๆ ไป จนถึงสัตว์ใหญ่เป็นข้อเคร่งครัดเช่นกัน บางคนสงสัยอีกว่าอย่างถ้าเป็นยุงหรือมดฆ่าได้ไหมตามความเชื่อแล้วห้าม เด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะถือว่า ปฏิบัติไม่ครบ

ข้อที่เจ็ด แต่งกายด้วยชุดขาว ข้อนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน บางคนก็ใส่ชุดสีขาวตลอดจนถึงออกเจเพราะเชื่อกัน ว่านอกจากงดอาหาร ต่างๆ ในร่างกายสะอาดแล้วภายนอกแม่จะเป็นเครื่องแต่งกายก็ต้องสะอาดด้วย ข้อนี้ไม่ใคร่ เข้มงวดสำหรับบุคคลที่ปฏิบัติอยู่กับบ้าน ไม่ได้ไปที่แจตั๊วหรือสถานที่ทำพิธีกินเจ

ข้อที่แป
 พูดจาไเราะ คนที่ถือศีลกินเจไม่ใช่เพียงแต่กินของสะอาดเท่านั้น แต่คำพูดที่พูดออก จากปากก็ต้อง สะอาดด้วย สิ่งไม่ดีทั้งหลายไมควรพูดหรือที่เรียกว่า  ปากเจ  ซึ่งประกอบไปด้วย ไม่พูดเท็จ ไม่พูดยุแหย่ ไม่พูด เพ้อเจ้อ ถ้าปฏิบัติได้ก็ถือว่าสะอาดทั้งหมด

ข้อที่เก้า งดดื่มสุราและของมึนเมา ตลอดช่วงเวลา 9 วัน ..........ข้อนี้สำคัญเพราะการงดอาหารที่เป็นของคาวแล้วสิ่ง ที่สร้างความมึนเมาหรือสิ่งแปลกปลอมในร่างกายก็ห้ามเข้าสู่ร่างกายด้วย

ข้อที่สิบ ห้ามดับตะเกียงทั้ง 9 ดวง คนที่จะไปกินเจมักจะไปชุมนุมกันที่แจตั๊วหรือสถานที่กินเจ ณ ที่นั้น เขาจะประดับดอกไม้ตั้งโต๊ะบูชา วางกระถางธูปและตั้งเครื่องเจ ต่างๆ นอกจากนี้ ก็จุดโคม 9 ดวงเพื่อสมมติเป็น  เก๊าฮ้วงฮุดโจ้ว  นั่นเอง ซึ่งจะต้องจุดไว้ทั้งกลางวันและ กลางคืนจนตลอดงานทีเดียว ถ้าดับโคมไฟดวงใดดวงหนึ่ง ก็จะถือว่าไม่เป็นสิริมงคลและไม่ครบถ้วนพิธีการกินเจ…

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อห้ามในการกินเจใครจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อของตัวเอง ประเพณีกินเจโดยทั่วไปแล้วมิได้ทำกันตลอดทั้งปี แต่จะเริ่มกินในช่วงวันขึ้น 1 ค่ำ จนถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ซึ่งตก ในเดือน 11 ข้างไทยเป็นวันกินเจ ซึ่งจะสับเปลี่ยนเวียนไปตามปีนั้นๆ ใครที่ไม่ได้เป็นลูกหลานชาวจีนถ้าต้องการจะ มีร่างกายและจิตใจ ที่บริสุทธิ์และได้ทำบุญกุศลอาจจะอยากเข้าร่วมพิธีนี้ด้วยก็ได้ เป็นการดีเสียอีกที่ปีหนึ่งคนเรา หันมาทำบุญร่วมกัน

สูตรคัพเค้กช็อกโกแลตเจ (อาหารเจ) Vegan Chocolate Cupcakes

คัพเค้กช็อกโกแลตเจ (อาหารเจ) Vegan Chocolate Cupcakes



คัพเค้กช็อกโกแลตเจ (อาหารเจ) Vegan Chocolate Cupcakes เทศกาลกินเจเป็นช่วงที่งดเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกชนิด ทำให้เบเกอรี่ที่หลายๆ คนชอบทานนั้นไม่สามารถทานได้เพราะมีส่วนผสมของไข่ไก่และนม แต่จะหมดปัญหานั้นไปแน่นอนเพราะคลิปนี้นุ่นได้นำคัพเค้กเจมาให้คนที่ทานเจได้ลองทำและทานกันใครที่ทานเจแล้วอยากทานเค้กลองทำคัพเค้กเจสูตรนี้รับรองว่าอร่อยเหมือนเดิมแน่นอน

สูตรคัพเค้กช็อกโกแลตเจ (อาหารเจ) Vegan Chocolate Cupcakes


สำหรับ 12 ชิ้น
เวลา 45 นาที

วัตถุดิบคัพเค้กช็อกโกแลตเจ (อาหารเจ) Vegan Chocolate Cupcakes 

1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 140 กรัม
2. น้ำตาลทราย 185 กรัม
3. ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ
4. เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
5. เกลือ 1/4 ช้อนชา
6. น้ำมันพืช 75 กรัม
7. น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
8. กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
9. วิปปิ้งครีมชนิด non-dairy 200 กรัม
10. เกล็ดน้ำตาลแบบต่างๆ

วิธีทำเค้กช็อกโกแลตเจ (อาหารเจ) Vegan Chocolate Cupcakes 

1. อุ่นเตาอบไฟบน-ล่าง 180 องศาเซลเซียส
2. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลทราย ผงดกโก้ เบกกิ้งโซดา เกลือเข้าด้วยกัน พักไว้
3. ผสมน้ำเปล่า น้ำมัน กลิ่นวานิลลาเข้าด้วยกันพักไว้
4. นำส่วนผสมของเหลวเทลงในของแห้ง ค่อยคนให้เข้ากัน
5. ตักไส่ถ้วยคัพเค้กประมาณ 3/4 ของถ้วย
6. นำเข้าอบ 180 องศา ไฟบน-ล่าง 10-15 นาที
7. เมื่อสุกนำออกจากเตาอบ พักให้เย็น
8. ตีวิปปิ้งครีมให้ตั้งยอดแข็ง ใส่ถุงบีบเตรียมไว้
9. เมื่อคัพเค้กเย็นบีบวิปปิ้งครีมลงบนคัพเค้ก โรยตกแต่งด้วยเกล็ดน้ำตาล




สูตรผัดผักหลากสีเจ (อาหารเจ) Multi Colored Stir Fry Mixed Vegetable

ผัดผักหลากสีเจ (อาหารเจ) Multi Colored Stir Fry Mixed Vegetable


ผัดผักหลากสี Multi Colored Stir Fry Mixed Vegetable ผัดผักเป็นอาหารเจที่ขาดไม่ได้ เมนูนี้ทำง่ายแต่ทำให้อร่อยยาก เพราะการผัดผักให้สุกออกมาพอดี จะทำให้ผักมีรสชาติหวานกรอบ สีสวยงามชวนรับประทาน แต่ถ้าสุกมากไปผักจะเหี่ยวไม่กรอบ ไม่อร่อย ผมจึงใช้ไฟแรงที่สุดและใช้น้ำช่วยในการผัด รับรองว่ารักษาคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติแบบธรรมชาติของผักทุกชนิดให้ได้มากที่สุดครับ^^


สูตรผัดผักหลากสีเจ (อาหารเจ) Multi Colored Stir Fry Mixed Vegetable


สำหรับ 1 จานใหญ่
เวลาในการทำ 10 นาที

วัตถุดิบผัดผักหลากสีเจ (อาหารเจ) Multi Colored Stir Fry Mixed Vegetable

1. ถั่วลันเตาหวาน 1-2 ขีด
2. ข้าวโพดอ่อน 3 ชิ้น
3. แครอทรูปดอกไม้ 10 แผ่น
4. เห็ดหอม 3 ดอก
5. มะเขือเทศราชินี 5 ลูก 
6. พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
7. น้ำมันงา 2 ช้อนชา

ส่วนผสมซอสพื้นฐาน
1. น้ำตาลทราย 1/3 ช้อนชา
2. ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
3. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
4. น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำผัดผักหลากสีเจ (อาหารเจ) Multi Colored Stir Fry Mixed Vegetable

1. ตั้งกระทะให้ร้อนเติมเห็ดหอม แครอท ถั่วลันเตาผัดให้เข้ากันดี
2. เติมข้าวโพดอ่อน ผัดต่อให้พอสุก ปรุงรสด้วยซอสพื้นฐาน
3. เติมมะเขือเทศ ปรุงรสด้วยน้ำมันงาและพริกไทยป่น ผัดให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟ

วิธีทำซอสพื้นฐาน
นำส่วนผสมทั้งหมดมาเทรวมกันในชามผสม




ยำผักกรอบเจ (อาหารเจ) Crispy Vegetable Thai Salad

ยำผักกรอบเจ(อาหารเจ)Crispy Vegetable Thai Salad


ยำผักกรอบเจ (อาหารเจ) Crispy Vegetable Thai Salad ใครที่กำลังหาเมนูเจแบบแซ่บๆ ห้ามพลาดเมนูนี้ยำผักกรอบเจ เมนูทำง่าย รสแซ่บๆ แต่ยังคงคอนเซ็ปต์อาหารเจไว้อย่างครบถ้วน รับรองว่าต้องอร่อยได้เรื่องแน่นอนครับ

สูตรยำผักกรอบเจ (อาหารเจ) Crispy Vegetable Thai Salad 

สำหรับ 2 ที่
เวลา 20 นาที


วัตถุดิบยำผักกรอบเจ (อาหารเจ) Crispy Vegetable Thai Salad 
1. แครอท 1 หัว
2. หัวไชเท้า 1/4 หัว
3. หน่อไม้ฝรั่ง 10 ต้น
4. บร็อคโคลี่ 1 หัว
5. เห็ดโคนญี่ปุ่น 1/2 ถ้วย
6. เห็ดออรินจิ 2 ดอก
7. ผักชี
8. ถั่วลิสง 2 ช้อนโต๊ะ
9. พริกขี้หนู 10 เม็ด
10. ซีอิ๊วขาว 5 ช้อนโต๊ะ
11. น้ำมะนาว 6 ช้อนโต๊ะ
12. น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
13. แป้งอเนกประสงค์สำหรับทอด 4 ถ้วย
14. แป้งคัสตาร์ด 4 ช้อนชา
15. น้ำเย็นจัด สำหรับผสมแป้ง
16. น้ำมัน สำหรับทอด

วิธีทำยำผักกรอบเจ (อาหารเจ) Crispy Vegetable Thai Salad 
1. ตัดหั่นแต่งผักต่างๆ เป็นแท่งตามชอบ
2. ผสมแป้งทอดกรอบ กับแป้งคัสตาร์ด เติมน้ำเย็นคนให้เข้ากัน พอเป็นน้ำ
3. นำผักที่เตรียมไว้ ใส่ลงคลุกกับแป้ง ลงทอดด้วยไฟกลาง
4. จัดเสิร์ฟคู่กับน้ำยำเจ
5. ทำน้ำยำโดยผสมซีอิ๊วขาว น้ำมะนาว น้ำตาลทราย คนให้น้ำตาลละลาย เติมพริกขี้หนูทุบ ผักชีสับ ไชเท้าซอย ให้เข้ากันพร้อมเสิร์ฟ





วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

การสร้างเว็บจาก Google Sites

การสร้างเว็บจาก Google Sites




เนื่อหาเว็บจะเกี่ยวกับ Portforlio ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับ ประวัติ บทความที่เราให้ความสนใจ 
วิดีโอต่างๆ และก็ผลงานของตัวเอง
ดูผลงานเพื่มเติมได้ที่ https://sites.google.com/site/foodthailand57/

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

หมูโสร่ง (อาหารว่างไทยโบราณ)


หมูโสร่ง (อาหารว่างไทยโบราณ)



 
หมูโสร่ง แต่ละชิ้นของหมูโสร่งดูจะต้องเสียเวลาไปกับการม้วนเส้นหมี่รอบๆหมูก้อน จึงทำความเร่งรีบในปัจจุบันกลืนกินเมนูนี้หายไปตามกาลเวลา แต่หากจะทำนั้นแสนง่าย ทานได้ทั้งเป็นอาหารว่างหรือกับข้าวทั้งข้าวสวยหรือข้าวต้มก็ดูน่าสนใจ


สูตรหมูโสร่ง


สำหรับ 1-2 ท่าน 
เวลาในการทอด: 3 นาที

วัตถุดิบหมูโสร่ง 

1. หมูสับ 1 ถ้วยตวง
2. เส้นหมี่ซั่ว 1/2 ห่อ
3. ไข่แดงเค็มดิบ 1-2 ลูก
4. ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ (ไม่ใส่ก็ได้)
5. รากผักชีกระเทียมพริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ (ไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำหมูโสร่ง 


1. นำหมูสับไปคลุกกับเครื่องปรุงข้อ 4-5 ให้เข้ากันหมักไว้สักครู่ ระหว่างนี้ปั้นไข่แดงเป็นลูกเล็กๆให้หมด
2. นำหมูสับมาห่อคลุมไข่เค็มเป็นลูกกลมๆให้ไข่แดงเป็นใส้
3. นำเส้นหมี่สั้วแช่น้ำให้นิ่มแล้วผึ่งให้แห้ง นำมันพันรอบๆเหมือนลูกตระกร้อ แล้วนำไปทอดด้วยไฟกลาง
ระวังอย่าให้ลูกหนาหรือใหญ่เกินไปไข่แดงจะไม่สุกและเส้นจะไหม้ก่อน